เลี้ยงหมาแมวยุคใหม่ ต้องรู้กฎหมาย!
กฎหมายใหม่เพื่อสัตว์เลี้ยงปี 2569 – สิ่งที่คนเลี้ยงหมาแมวต้องรู้และเตรียมตัวให้พร้อม
การเลี้ยงสัตว์ในกรุงเทพฯ กำลังจะเปลี่ยนไป! ปี 2569 นี้ เจ้าของสัตว์เลี้ยงทุกคนต้องรู้
กฎหมายใหม่เพื่อสัตว์เลี้ยง กำลังจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2569 ซึ่งกำหนดข้อบังคับต่าง ๆ ที่เจ้าของต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของสัตว์เลี้ยง และป้องกันไม่ให้ผิดกฎหมายโดยไม่รู้ตัว เรามาเตรียมตัวให้พร้อมกันก่อนที่กฎหมายฉบับนี้จะมีผลจริง!
ข้อจำกัดในการเลี้ยงสัตว์ตามขนาดพื้นที่
กฎหมายฉบับใหม่นี้ ยังได้กำหนดข้อบังคับเรื่องจำนวนสัตว์เลี้ยงตามขนาดพื้นที่อยู่อาศัย ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อจำนวนสัตว์ที่เจ้าของสามารถเลี้ยงได้ในแต่ละประเภทของที่พักอาศัย เช่น บ้านหรือคอนโด
- ห้องเช่า / คอนโด ขนาด 20-80 ตารางเมตร: เลี้ยงได้ไม่เกิน 1 ตัว
- ห้องเช่า / คอนโด ขนาด 80 ตารางเมตรขึ้นไป: เลี้ยงได้ไม่เกิน 2 ตัว
- บ้านพร้อมที่ดิน ไม่เกิน 20 ตารางวา: เลี้ยงได้ไม่เกิน 2 ตัว
- บ้านพร้อมที่ดิน ไม่เกิน 50 ตารางวา: เลี้ยงได้ไม่เกิน 3 ตัว
- บ้านพร้อมที่ดิน ไม่เกิน 100 ตารางวา: เลี้ยงได้ไม่เกิน 4 ตัว
- บ้านพร้อมที่ดิน 100 ตารางวาขึ้นไป: เลี้ยงได้ไม่เกิน 6 ตัว
การจำกัดจำนวนสัตว์เลี้ยงตามกฎหมายใหม่นี้ มีเป้าหมายเพื่อควบคุมปัญหาสัตว์จรจัด ลดความเสี่ยงของโรคที่อาจเกิดจากสัตว์ในเมืองใหญ่ และช่วยป้องกันปัญหาภายในชุมชน ทั้งหมดนี้คือแนวทางตาม กฎหมายเพื่อสัตว์เลี้ยง ที่กำลังจะเริ่มบังคับใช้เร็ว ๆ นี้
ทำไมต้องจดทะเบียนสัตว์เลี้ยง?
การจดทะเบียนสัตว์เลี้ยงในกรุงเทพฯ จะกลายเป็นสิ่งจำเป็นตามกฎหมายใหม่ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2569 เพื่อให้การควบคุมและดูแลสัตว์เลี้ยงเป็นไปอย่างเป็นระบบ รวมถึงช่วยติดตามตัวได้ในกรณีที่สัตว์เลี้ยงสูญหาย หรือถูกปล่อยออกสู่พื้นที่สาธารณะโดยไม่มีความรับผิดชอบ แนวทางนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างความรับผิดชอบให้ผู้เลี้ยง และลดปัญหาสัตว์จรจัดในระยะยาว
ขั้นตอนการจดทะเบียนและฝังไมโครชิป
เจ้าของสัตว์เลี้ยงในกรุงเทพมหานครจำเป็นต้องรู้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยจะต้องดำเนินการจดทะเบียนและฝังไมโครชิปให้กับสัตว์เลี้ยงของตน ภายใน 120 วันหลังสัตว์เกิด หรือ ภายใน 30 วันหลังนำสัตว์เข้ามาเลี้ยงในพื้นที่กรุงเทพฯ
ขั้นตอนที่ 1: การเตรียมเอกสาร
ก่อนนำสัตว์เลี้ยงไปจดทะเบียนที่คลินิกสัตวแพทย์ หรือสำนักงานเขตตามกฎหมายเพื่อสัตว์เลี้ยง เจ้าของควรเตรียมเอกสารสำคัญให้พร้อม ดังนี้:
- บัตรประชาชน ของ เจ้าของสัตว์เลี้ยง
- ทะเบียนบ้าน ที่สัตว์เลี้ยงจะอาศัยอยู่
- ใบรับรอง การฉีดวัคซีน (ถ้ามี)
- ใบรับรอง การทำหมัน (ถ้ามี)
- หนังสือยินยอม จากเจ้าของบ้าน (กรณีเป็นผู้เช่า)
- ใบรับรอง (คสส. 1)
- หนังสือมอบอำนาจ (กรณีให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน) (ถ้ามี)
ขั้นตอนที่ 2: การจดทะเบียน และ ฝังไมโครชิป
นำสัตว์เลี้ยงของคุณไปจดทะเบียนและฝังไมโครชิปที่คลินิกสัตวแพทย์ที่ได้รับอนุญาตจากกรุงเทพมหานคร ไมโครชิปจะช่วยให้สามารถติดตามสัตว์เลี้ยงได้หากเกิดการสูญหาย และยังช่วยลดปัญหาการปล่อยสัตว์ออกสู่พื้นที่สาธารณะ
ทั้งหมดนี้เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายเพื่อสัตว์เลี้ยงที่กำลังจะมีผลบังคับใช้
กรุงเทพมหานครมีคลินิกสัตวแพทย์ 8 แห่งที่ให้บริการฝังไมโครชิปฟรีสำหรับสุนัขและแมว เจ้าของควรวางแผนล่วงหน้า โดยโทรสอบถามเพื่อจองคิว และตรวจสอบเอกสารที่ต้องใช้ เพื่อให้ขั้นตอนการจดทะเบียนและฝังไมโครชิปเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่เสียเวลา
- คลินิก สัตวแพทย์ กทม. 1 สี่พระยา (บางรัก) โทรสอบถาม เบอร์ 0 2236 4055 ต่อ 213
- คลินิก สัตวแพทย์ กทม. 2 มีนบุรี โทรสอบถาม เบอร์ 0 2914 5822
- คลินิก สัตวแพทย์ กทม. 3 วัดธาตุทอง (วัฒนา) โทรสอบถาม เบอร์ 0 2392 9278
- คลินิก สัตวแพทย์ กทม. 4 บางเขน (จตุจักร) โทรสอบถาม เบอร์ 0 2579 1342
- คลินิกสัตวแพทย์ กทม. 5 วัดหงส์รัตนาราม (บางกอกใหญ่) โทรสอบถาม เบอร์. 0 2472 5895 ต่อ 109
- คลินิก สัตวแพทย์ กทม. 6 ช่วงนุชเนตร (จอมทอง) โทรสอบถาม เบอร์ 0 2476 6493 ต่อ 1104
- คลินิก สัตวแพทย์ กทม. 7 บางกอกน้อย โทรสอบถาม เบอร์ 0 2411 2432
- กลุ่มควบคุมโรคพิษสุนัขบ้า (ดินแดง) โทรสอบถาม เบอร์ 0 2245 3311
คลินิกข้างต้น ยังมีบริการการฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า และ การทำหมันด้วย โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ฟรี
ขั้นตอนที่ 3: รับหมายเลขทะเบียนสำหรับ กฎหมายเพื่อสัตว์เลี้ยง
เมื่อดำเนินการเรียบร้อยแล้ว เจ้าของจะได้รับหมายเลขทะเบียนและข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงของตน เพียงเท่านี้! ขั้นตอนการจดทะเบียนและฝังไมโครชิปก็เสร็จสมบูรณ์ เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายเพื่อสัตว์เลี้ยง
หากคุณเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยง อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อมก่อนกฎหมายใหม่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2569 เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดใน “กฎหมายเพื่อสัตว์เลี้ยง” ที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยของทั้งสัตว์และสังคม
ข้อปฏิบัติเมื่อนำสัตว์ออกนอกสถานที่
- สำหรับสุนัขและแมวทั่วไป: เจ้าของต้องใช้สายจูงที่แข็งแรงตลอดเวลา หรือพาสัตว์เลี้ยงโดยใช้กระเป๋า กรง หรืออุปกรณ์อื่นที่เหมาะสม ห้ามปล่อยให้รบกวนผู้อื่น และต้องเก็บมูลสัตว์ทุกครั้งเมื่ออยู่ในพื้นที่สาธารณะ
- สำหรับสุนัขควบคุมพิเศษ (เช่น พันธุ์พิตบูล ร็อตไวเลอร์ หรือสุนัขที่เคยทำร้ายคน): ต้องสวมอุปกรณ์ครอบปาก และใช้สายจูงที่มั่นคงแข็งแรง โดยเจ้าของต้องจับสายจูงให้ห่างจากคอสุนัขไม่เกิน 50 เซนติเมตรตลอดเวลา
การห้ามเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ในที่สาธารณะ เว้นแต่ในกรณีต่อไปนี้
- พาสัตว์ไปรักษาโรคหรือฉีดวัคซีน
- เข้าร่วมกิจกรรมที่กรุงเทพมหานครกำหนด
- ย้ายที่อยู่ของเจ้าของ
- การดำเนินการของหน่วยงานราชการ
- การปล่อยสัตว์เพื่อการกุศล หรือจารีตประเพณีตามที่กฎหมายอนุญาต
หมายเหตุ: กฎหมายและข้อบังคับฉบับใหม่นี้ ไม่มีผลย้อนหลัง เจ้าของสัตว์เลี้ยงจะไม่ถูกดำเนินคดีหากเป็นเหตุการณ์ก่อนวันที่กฎหมายมีผล
*หากคุณมีสัตว์เลี้ยง และกำลังมองหาพื้นที่สำหรับให้น้องหมาน้องแมวได้วิ่งเล่น ออกกำลังกาย และผ่อนคลายอย่างปลอดภัย
เราแนะนำบริการติดตั้งสนามหญ้าเทียมรุ่น Pet Grass หญ้าเทียมที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับสัตว์เลี้ยง — นุ่มเท้า ระบายน้ำดี ทำความสะอาดง่าย เหมาะทั้งสำหรับบ้านเดี่ยว คอนโด หรือคาเฟ่สัตว์เลี้ยง
สนใจหญ้าเทียมสำหรับสัตว์เลี้ยงรุ่น Pet Grass คลิกที่ปุ่มด้านล่างเพื่อพูดคุยกับทีมของเราได้เลยค่ะ